ไฮไลท์
พระยอดธง เนื้อเงิน พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปี พ.ศ. 2551
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
พระยอดธง เนื้อเงิน  พิมพ์ใหญ่ พระพุทธศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปีพ.ศ. 2551
พระราชปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์พระอารามหลวง ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ เป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษก พระยอดธงพระพุทธศรีสวรรค์และเหรียญพระพุทธศรีสวรรค์ หลวงพ่อสองพี่น้อง ณ พระอุโบสถวัดนครสวรรค์ โดยมีนายกวี กิตติสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พิธีเททองหล่อพระพุทธศรีสวรรค์หน้าตักกว้าง 80 นิ้ว และพระพุทธศรีสวรรค์ปางประทานพร หน้าตักกว้าง 36 นิ้ว องค์ต้นแบบสร้างพระพุทธศรีสวรรค์ประทานพร หน้าตักกว้าง 18 เมตร หล่อด้วยโลหะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประจำพุทธอุทยานนครสวรรค์ ประธานฝ่ายสงฆ์ จุดเทียนชัย นายวิชัย ธรรมชอบ เลขานุการ รมว.มหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพราหมณ์ประกอบพิธีบวงสรวงบูชาเทวดาพร้อมทั้งโปรยข้าวตอกดอกไม้ สำหรับพระเถระผู้ทรงคุณวุฒิ 40 รูป นั่งปรกปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อรวย วัดตะโก, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน เป็นต้น
 
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ เพื่อสมทบทุนสร้างวิหารหลวงพ่อสองพี่น้องและบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ และเสนาสนะภายในวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง จ.นครสวรรค์ และสร้างพระพุทธศรีสวรรค์หน้าตัก 80 นิ้ว ประจำศาลาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานวัดภัทรสิทธาราม อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พร้อมทั้งสร้างองค์ต้นแบบพระพุทธศรีสวรรค์ประทานพร หน้าตักกว้าง 36 นิ้ว เพื่อที่จะนำไปเป็นองค์ต้นแบบสร้างพระพุทธศรีสวรรค์ประทานพร หน้าตักกว้าง 18 เมตร หล่อด้วยโลหะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประจำพุทธอุทยานนครสวรรค์ และสมทบทุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม-บาลี แผนกสามัญ สำนักศาสนศึกษาวัดนครสวรรค์และวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วัดนครสวรรค์ เดิมมีนามว่า “วัดหัวเมือง” เพราะตั้งอยู่ตอนต้นของตัวเมืองก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองจะต้องผ่านวัดนี้ก่อน สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 1972 โดยประมาณ เดิมหน้าวัดอยู่ทางริมแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นโพธิ์และพระปรางค์มองเห็นเด่นชัดสำหรับผู้สัญจรทางน้ำ ต่อมาสายน้ำได้เปลี่ยนทิศทางห่างออกไปจากวัดประมาณ 100 เมตร เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มาแต่เดิม ประมาณ พ.ศ. 1972
 
วัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 702 ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 22 ไร่ 1 งาน 35 ตารางวา อาณาเขตเฉพาะส่วนที่เป็นเขตพุทธาวาส ทิศเหนือยาว 67 วา ติดต่อกับถนนเทพสิทธิชัย ทิศใต้ยาว 67 วา ติดต่อกับถนนลูกเสือ ทิศตะวันออกยาว 76 วา ติดต่อกับถนนโกสีย์ ทิศตะวันตกยาว 80 วา ติดต่อกับถนนสวรรค์วิถี ซึ่งเป็นถนนผ่ากลางที่ดินตั้งวัด มีโฉนดที่ดินเลขที่ 9943, 9639 และมีที่ธรณีสงฆ์จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ 118 ไร่ 99 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 11253, 22673, 1041, 111 และ น.ส. 3 สารบบหน้า 38 เล่ม 1 ที่ธรณีสงฆ์นี้ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำโพ 2 แปลง ตำบลบางม่วง 1 แปลง ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ 1 แปลง และตำบลเนินมะกอก อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 1 แปลง
 
พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีกำแพงโดยรอบทั้ง 4 ด้าน และมีประตูเข้าออกได้สะดวกทั้ง 4 ด้าน เช่นกัน ที่ดินตั้งวัดนี้ได้ถูกถนนสวรรค์วิถีตัดผ่านแบ่งเนื้อที่ออกเป็น 2 แปลงเป็นเขตสังฆาวาส และเขตพุทธาวาสในส่วนที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกซึ่งมีเนื้อที่ 13 ไร่ 25 ตารางวา อีกแปลงหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกใช้เป็นเขตฌาปนสถาน มีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา ภายในบริเวณวัดมีถนนติดต่อระหว่างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ถึงกันหมด
 
อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถกว้าง 12 เมตร ยาว 26 เมตร บูรณะ พ.ศ. 2515 ศาลาการเปรียญกว้างยาวด้านละ 34 เมตร เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น สร้าง พ.ศ. 2526 กฎิสงฆ์ จำนวน 15 หลัง เป็นอาคารคอนกรีต 9 หลัง อาคารไม้สัก 2 ชั้น 1 หลัง ห้องสมุดจตุรมุขกว้าง 11 เมตร ยาว 12 เมตร อาคารคอนกรีต หอระฆังจตุรมุขสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง อาคารเรียนพระปริยัติธรรมกว้าง 24.50 เมตร ยาว 28.50 เมตร เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น มีมุขหน้าและหลัง พระวิหารสร้างด้วยอิฐโบราณแผ่นใหญ่ บูรณะ พ.ศ. 2527 อาคารสำนักงานมูลนิธิการกุศล 1 หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล 8 หลัง และฌาปนสถานแบบเตาอบคอนกรีตเสริมเหล็ก
 
ปูชนียวัตถุ
วัดนครสวรรค์ 
มีพระประธานในพระอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง 2.50 เมตร สร้างด้วยทองเหลือง มีพระนามเรียกกันว่า “หลวงพ่อศรีสวรรค์” พระพุทธรูปใหญ่ 2 องค์ในพระวิหาร เรียกว่า “พระผู้ให้อภัย” พระพุทธรูปอื่นอีก 2 องค์ในพระวิหาร พระพุทธรูปเนื้อสำริดสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย อยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสจำนวน 4 องค์ พระเจดีย์เก่าอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ 3 องค์ พระปรางค์ซึ่งปรักหักพังมีเพียงซากและรากฐานปรากฏอยู่
 
ทางราชการได้เคยใช้สถานที่วัดนี้ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (มีศิลาจารึกเป็นหลักฐาน) เป็นที่พำนักอยู่จำพรรษาของเจ้าคณะจังหวัด เป็นสถานที่ใช้สอบธรรมและบาลีสนามหลวงตลอดมา เมื่อ พ.ศ. 2203 ชาวบ้านได้พบช้างเผือก 1 เชือก ที่เมืองนครสวรรค์ได้ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดนี้ แล้วนำถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองลพบุรี ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์” จึงนับว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล
 
ในราว พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จทางชลมารคมาทรงเททองหล่อพระพุทธชินราชจำลองที่จังหวัดพิษณุโลก ได้เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมและเห็นความสำคัญของวัดนี้ จึงได้โปรดให้ย้ายพระครูสวรรค์วิถีวิสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (หลวงพ่อครุฑ) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จากวัดเขา (วัดจอมคีรีนาคพรต) มาพำนักอยู่ประจำที่วัดนี้ ในการย้ายหลวงพ่อครุฑนั้นทางราชการและประชาชนได้ร่วมจัดเป็นการใหญ่มาก มีขบวนแห่แบบเวสสันดร จำนวน 13 ขบวน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบผู้บัญชาการทหารสมัยนั้นจัดขบวนส่งท่านด้วย
 
พ.ศ. 2454 สมเด็จพระราชินีพระพันปีหลวง และสมเด็จพระมาตุจฉา เสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ ได้เสด็จมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันพระราชสมภพ และวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พร้อมด้วยเจ้านายอีกหลายพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ เพื่อปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ด้วย
 
พ.ศ. 2456 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ได้ทรงแวะเยี่ยมหลวงพ่อครุฑด้วย ในฐานะทรงคุ้นเคยเป็นการส่วนพระองค์มาก่อน และในปีต่อมาได้เสด็จมาในงานศพหลวงพ่อครุฑที่วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง
 
พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับเป็นทุนสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ซึ่งได้ครอบหลังเดิมไว้พร้อมทั้งได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์เป็นโลหะทองแดงขนาดใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ในพระอุโบสถด้วย วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 สมเด็จพระภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ได้ประทานผ้าพระกฐินมาทอดถวายที่วัดนี้
 
สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้เสด็จมาประทับแรมที่วัดนี้ 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 และวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ครั้นถึง พ.ศ. 2527 ได้มีนายเสน่ห์ วัฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อสถาปนาวัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 02047846 ลงวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2528
 
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2528 วัดนครสวรรค์จึงได้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2528 เป็นต้นมา
 
ลำดับเจ้าอาวาสที่ทราบนามมี 8 รูป
พระอาจารย์เคลือบ พ.ศ. 2424-2443
พระครูสวรรค์วิถีสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (ครุฑ) พ.ศ. 2444-2456
พระครูเขมวิถีสังฆปาโมกข์ (สด) พ.ศ. 2456-2462
พระใบฎีกาอั้น พ.ศ. 2462-2471
พระครูนิภาสธรรมคุณ (บุญเกิด จนฺทสาโร ป.ธ.3) พ.ศ. 2471-2508
พระเทพสิทธินายก (ห้อง ชาติสิริ ป.ธ.6) รักษาการแทนเจ้าอาวาส พ.ศ. 2477-2499
พระเทพญาณโมลี (ประสิทธิ์ มิตฺตธมฺโม ป.ธ.6) ปกครองระหว่าง พ.ศ. 2499-2508 และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2508-2539
พระเทพปริยัติเมธี ชุมธรรมปากน้ำโพ
 
จังหวัดนครสวรรค์ มากมายด้วยวัดวาอารามและสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่วัดนครสวรรค์หรือ "วัดหัวเมือง" แห่งนี้ปรากฏนามพระดีที่ชื่อ "พระเทพปริยัติเมธี" พระมหาเถระที่ชาวเมืองนครสวรรค์ศรัทธาเลื่อมใส เป็นสมณะที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม บำเพ็ญคุณูปการแด่คณะสงฆ์มากมาย ปัจจุบันพระเทพปริยัติเมธี (สฤษฏิ์ สิริธโร) สิริอายุ ๕๑ พรรษา ๓๑ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์
อัตโนประวัติ
 
มีนามเดิมว่า สฤษฏิ์ ประธาตุ เกิดเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ ที่บ้านห้วยร่วม ต.ห้วยร่วม อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โยมบิดา-มารดา ชื่อนายเรือง และนางลำพูน ประธาตุ ครอบครัวเดิมมีอาชีพทำการเกษตร ในช่วงวัยเยาว์เริ่มต้นศึกษาที่โรงเรียนวัดห้วยร่วม จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ ก่อนเข้าบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ณ วัดห้วยร่วม อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ในช่วงระหว่างเป็นสามเณรท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ที่สำนักศาสนศึกษาวัดห้วยร่วม
 
พ.ศ.๒๕๑๗ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๑ โดยมีพระครูนิรุติธรรมธร (หลวงพ่อสวาสดิ์) วัดห้วยร่วม เป็นพระอุปัชฌาย์
 
จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่วัดราชบูรณะวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ
 
พ.ศ.๒๕๓๒ สามารถสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค ต่อมาท่านได้ย้ายกลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดนครสวรรค์ เข้ามาช่วยงานบริหารจัดการภายในวัด เริ่มด้วยการเป็นเจ้าคณะ ๓ วัดนครสวรรค์ คอยดูแลงานทั่วไปของพระภิกษุสามเณร
 
พ.ศ.๒๕๓๒ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์
 
พ.ศ.๒๕๓๓ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการรองเจ้าคณะภาค ๔
 
พ.ศ.๒๕๔๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และพระอุปัชฌาย์
 
พ.ศ.๒๕๔๑ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ฝ่ายศาสนศึกษา
 
พ.ศ.๒๕๔๖ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จนถึงปัจจุบัน
 
ด้านการศึกษา
 
ด้านการศึุกษาทางโลก สำเร็จการศึกษาระดับมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวรสาขาการบริหารการศึกษา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สาขาวิชาพระพุทธศาสนา หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต
 
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิคุณ
 
พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติ
 
โดยในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ได้รับพระราช ทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติเมธี
 
พระเทพปริยัติเมธีมีความสามารถในหลากหลาย ทั้งในด้านปริยัติและปฏิบัติ ท่านมีความสามารถในการสวดพระปาติโมกข์ มีความชำนาญในการใช้คอมพิวเตอร์ มีความชำนาญในด้านนวกรรม ควบคุมการก่อสร้าง การอ่านแบบแปลนการก่อสร้าง และความสามารถในการแสดงพระธรรมเทศนา ปาฐกถาธรรม บรรยายธรรม
 
นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ศูนย์ศึกษาวัดนครสวรรค์ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์วิทยบริการมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.นครสวรรค์ และเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสถานศึกษาอีกมากมาย ในเขตพื้นที่การศึกษานครสวรรค์และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
 
ผลงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
 
เจ้าประคุณได้เป็นผู้นำการจัดพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เชิญชวนพระภิกษุ-สามเณรและประชาชนมาร่วมพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อบรมธรรมะให้แก่ประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังได้บรรยายธรรมะทางวิทยุกระจายเสียง และเชิญชวนประชาชนปฏิบัติธรรม สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ธรรมะแก่ส่วนราชการต่างๆ
 
ด้านสาธารณูปการ
 
ท่านได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ อาคารอเนกประสงค์ ตั้งจุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชนเพื่อการศึกษา ที่สำคัญที่สุดอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ ประกอบด้วย วัดภัทรสิทธาราม วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ อาคารพระเทพญาณมุนี อาคารหอสมุดสวรรค์บรรณาคาร อาคารวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ฯลฯ ด้วยกำลังบริจาคของชาวเมืองนครสวรรค์
 
พระเทพปริยัติเมธีได้สร้างผลงานวิชาการ ที่ได้รับการพิมพ์ออกมาเผยแผ่มีมากมาย เช่น งานวิจัยและวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา การพัฒนาจิตเจริญปัญญาตามแนวสติปัฏฐาน ๔ การศึกษาวิเคราะห์อธิกรณ์สมณะ วารสารสารสงฆ์นครสวรรค์ ระเบียบปฏิบัติวัดนคร สวรรค์ พระอารามหลวง ภารกิจและนโยบายคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ ระเบียบปฏิบัติคณะทำงานตามนโยบายและแผนคณะสงฆ์จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น
 
สำหรับการพัฒนาวัดนครสวรรค์ ท่านยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัดนครสวรรค์ให้ดูโปร่ง โล่ง สะอาด นอกจากนี้ ท่านให้ความเอาใจใส่บริหารจัดการดูแลคณะสงฆ์อย่างทั่วถึง ด้วยการออกตรวจเยี่ยมไปตามวัด ตามอำเภอต่างๆ จนครบทั้ง ๑๕ อำเภอ
 
อีกทั้งเอาใจใส่ในด้านการศึกษาของพระสงฆ์เป็นพิเศษ โดยส่งเสริมให้พระสังฆาธิการและพระสงฆ์ในสังกัดให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทั้งจัดหาทุนการศึกษาให้พระสงฆ์ทุกรูปและรับบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน เด็กที่มีความบกพร่องทางกายเป็นประจำทุกปี
 
พระเทพปริยัติเมธีได้สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์แก่พระศาสนา และสังคมทั่วไป
 
ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ
 
พ.ศ.๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร
 
พ.ศ.๒๕๔๘ ได้โล่เกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นมหา วิทยาลัยนเรศวร
 
พ.ศ.๒๕๔๙ ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยภาคกลาง
 
พ.ศ.๒๕๕๐ ได้รับเกียรติบัตรศิษย์เก่าดีเด่น เนื่องในงาน "๖๐ ปี อุดม ศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย" และได้รับโล่ผู้มีผลงานดีเด่นจากกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น
 
พระเทพปริยัติเมธีเคยปรารภว่า "การส่งเสริมความรู้ให้ทั้งบรรพชิตและฆราวาสอย่างทั่วถึง เป็นสิ่งที่ดี พระภิกษุ-สามเณรที่มีความรู้ทางธรรมจะช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน ส่วนชาวบ้านที่มีความรู้จะได้ใช้วิชาความรู้ทำมาหากินและช่วยทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง"
 
พระเทพปริยัติเมธีเป็นพระดีอีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองนครสวรรค์ให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นแบบอย่างที่ดีในความเรียบง่าย เป็นพระนักพัฒนา นักปกครอง และนักการศึกษาผู้เสียสละ
สนใจติดต่อ. 080-554-9818................มนต์คง   หอมแสน
หรือLine. 0805549818
Gmail.nu0805549818@gmail.com
พระยอดธง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปี พ.ศ. 2551
พระยอดธง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปี พ.ศ. 2551
พระยอดธง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปี พ.ศ. 2551
พระยอดธง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อศรีสวรรค์ วัดนครสวรรค์ ปี พ.ศ. 2551
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาสะพานใหม่ ดอนเมือง ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านมนต์คง
มนต์คง
เช่าแลกเปลี่ยนวัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา เครื่องราง พระคณาจารย์ สนใจติดต่อโทร.0805549818 ........มนต์คง Line.0805549818
เบอร์โทร : 0805549818
อีเมล : nu0805549818@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม