วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (จังหวัดสุพรรณบุรี)
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี ในตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุตั้งอยู่ในย่านเมืองสุพรรณบุรีเก่า ได้รับการสถาปนาขึ้นแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานระบุให้ทราบ จนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ได้พบลานทองจารึกภาษามคธด้วยอักษรขอม (จารึกหลักที่ 47) จากองค์พระปรางค์ พรรณาถึงปฏิสังขรณ์พระปรางค์ซึ่งชำรุดให้คืนดีและจากจารึกพวัดส่องคบ จังหวัดชัยนาท (จารึกหลักที่ 58) พรรณาถึงเจ้าเมืองขุนเพชรสารว่า ได้เคยทำบุญอุทิศบ้านเรือนถวายวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองสุพรรณบุรี จารึกหลักนี้บอกศักราชเป็น ๗๗๐ เทียบตรงกับ พ.ศ. ๑๙๕๑ ย่อมเป็นหลักฐานได้ว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุได้รับการสถาปนาก่อนปีดังกล่าว
พระปรางค์ประธาน สันนิษฐานว่าเป็นปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น จากจารึกหลักที่ ๔๗ อาจสันนิษฐานว่า พระจักรพรรดิ กษัตริย์พระองค์หนึ่งแห่งโยชฌา (อโยธยาหรือกรุงศรีอยุธยา) ทรงสร้างไว้ แล้วพระราชาธิราช ซึ่งเป็นโอรสทรงสร้างซ่อมให้สูงกว่าเดิม สันนิษฐานว่าพระเจ้าจักรพรรดิ ในจารึกหลักที่ ๔๗ คือพระราชบิดาของสมเด็จพระนครอินทราธิราช ขณะที่ วินัย พงศ์ศรีเพียร เชื่อว่าปรางค์องค์นี้มีมาก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา และเห็นว่ากษัตริย์สองพระองค์นี้คือพระเจ้าอยู่หัวทองเดิม (พระสัสสุระของพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีที่ ๑) กับขุนหลวงพะงั่ว ส่วนหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล เห็นว่าปรางค์ประธานนี้มีรูปแบบหลายประการที่สอดคล้องกับแบบแผนของปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๙๖๗ จึงเชื่อว่าปรางค์ประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี คงสร้างขึ้นราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษเดียวกัน
พระปรางค์ก่อด้วยอิฐสอดินทั้งองค์ ผิวนอกตั้งแต่ฐานล่างขึ้นไปจนถึงชั้นรับนภศูลฉาบปูนเกลี้ยง เหนือฐานเชิงบาตรก่อเป็นครรภคฤหะทรงสี่เหลี่ยม ภายในห้องสี่เหลี่ยมเปิดเป็นคูหาทางเข้าด้านหน้าพระปรางค์ ภายนอกครรภคฤหะอีก ๓ ทิศทำเป็นคูหาก่อพื้นในช่องตัน เหนือซุ้มคูหาเป็นชั้นครุฑอัษฏางค์ สำหรับอายุการสร้างพระปรางค์องค์นี้
เจดีย์สมัยอู่ทอง ๒ องค์ ด้านหน้าพระปรางค์ อยู่ในสภาพทรุดโทรม ลักษณะเช่นเดียวกันกับเจดีย์สมัยอู่ทองวัดพระรูป เป็นเจดีย์ไม่มีบัลลังก์แต่ทำเป็นลูกแก้วกลีบมะเฟืองขึ้นไป ทรงระฆังเป็นเส้นตั้ง พระพุทธรูปหินทราย มีจำนวนมากกว่า ๑๐๐ องค์ อยู่ในสภาพชำรุดไม่เป็นรูปทับถมจมดินอยู่ในซอกวิหารหน้าองค์พระปรางค์ราวกับเป็น สุสานพระหินทราย วิหารเก่าและวิหารแกลบ อยู่ด้านหลังองค์พระปรางค์ มีวิหารเก่าอยู่ ๒ หลัง พระประธานหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตกตามคติของมอญ ด้านหลังขององค์พระประธานมีวิหารแกลบอยู่ ๔ หลัง เป็นวิหารที่บูรณะขึ้นใหม่ในราว พ.ศ. ๒๔๖๙ ภายในวิหารแกลบบางหลังประดิษฐานพระพุทธรูปสกุลช่างอู่ทอง
ประวัติ
“พระอู่ทองออกศึก” วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ปี พุทธศักราช ๒๕๑๐
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ประเทศไทยได้จัดส่งกองกำลังทหาร " รุ่นจงอางศึก " เข้าร่วมรบกับกองกำลังสหรัฐ ในสงครามเวียดนามเพื่อรบกับกองกำลังทหารเวียดนามเหนือที่รุกลงใต้ และในการนี้เอง หลวงปู่โพธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในขณะนั้น ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้จัดสร้าง " พระอู่ทองออกศึก " แจกแก่ทหาร " รุ่นจงอางศึก " นี้โดยเฉพาะ ตามดำริของนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือ จอมพลถนอม กิตติขจร ที่ต้องการต้านภัยคอมมิวนิสต์
"พระอู่ทองออกศึก" เป็นพระเครื่องที่นำเนื้อพระโบราณที่ชำรุดแตกหักจากกรุต่าง ๆ มาบดเป็นส่วนผสมหลัก อาทิเช่น พระผงสุพรรณ จากกรุวัดพระศรีมหาธาตุ, พระกรุวัดพระรูป, พระกรุวัดสำปะซิว, พระกรุวัดบ้านกร่าง, พระกรุถ้ำเสือ, พระกรุวัดบางยี่หน และพระเนื้อดินชำรุดแตกหักของพระเกจิอาจารย์ เท่าที่จัดหาได้จากในเขตเมืองสุพรรณ,อู่ทอง อีกมากมาย
พุทธลักษณะคล้ายพระผงสุพรรณ แต่เป็นพระปางสมาธิ ด้านหลังเป็นรูปองค์พระปรางค์ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำวัดพระศรีมหาธาตุ และเป็นสถานที่พบพระผงสุพรรณ และพระเนื้อชินพิมพ์ต่าง ๆ ยอดนิยมของวงการฯ เนื้อพระมีทั้งสีดำ สีเทา และสีแดง
หลวงปู่โพธิ์ เจ้าอาวาส วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ ได้เป็นผู้รับดำเนิดการจัดสร้าง "พระอู่ทองรุ่นจงอางศึก" ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ครั้งที่สองในปี ๒๕๑๑
''พระเนื้อดินยุคต้น''
มีการรวบรวมพระกรุเนื้อดินเนื้อผงฯที่ชำรุดแตกหัก มาเป็นส่วนผสมหลักในการจัดสร้างพระชุดนี้
๑.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระธาตุฯ
๒.พระกรุวัดบ้านกร่าง
๓.พระกรุถ้ำเสือ
๔.พระกรุสำปะซิว
๕.พระกรุบางยี่หน
๖.พระกรุวัดพระรูป
๗.ชิ้นส่วนที่แตกหักพระสมเด็จฯ
พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุใหม่ ๒๕๐๐
ซึ่งรับบริจาคมาในสมัย ๒๕๐๐-๒๕๑๐ พระสมเด็จบางขุนพรหมที่หักยังไม่มีราคามากนักแต่จำนวนมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถทราบได้และยังมีพระผงเก่าๆ อีกหลายอย่าง
#มวลสารวัสดุที่นำมาใช้ผสม
๑.ผงวิเศษฯ ของพระเกจิคณาจารย์
๒.เกสรดอกไม้มงคลหลายชนิดฯ
๓.ว่านศักดิ์สิทธิ์ชนิดต่างๆ
๔.ดินกองละเอียด และ ดินสถานที่สำคัญฯ
ในจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อนำมาผสมเป็น มวลสารหลัก
๕.แร่วิเศษต่างๆ และ ของทนสิทธิ์ฯ
''พระอู่ทองเนื้อชิน''
#กรรมวิธีการสร้างพระเนื้อชิน
๑.พระกรุเนื้อชินที่ชำรุดของทางวัดพระธาตุฯ
๒.ตะปูสังขวานรที่ใช้ตอกเสาโบสถ์
๓.พระกรุเนื้อชินต่างๆ เท่าที่จะหามาเป็นชนวนได้
นำมวลสารเหล่านี้มาเป็นชนวนหล่อในการสร้าง ได้นำมาเป็นมวลสารหลักในการสร้าง
''เนื้อชินตะกั่ว'' ในความเข้าใจคาดว่าที่ต้องเป็นเนื้อชินตะกั่วเพราะว่า ผู้สร้างต้องการให้ได้พระจำนวนมากขึ้น จึงนำตะกั่วมาผสมเพื่อให้ได้พระเพิ่มขึ้นเพื่อแจกเฉพาะบุคคลข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และ กรรมการผู้ร่วมจัดสร้างในขณะนั้น
พุทธลักษณะคล้ายคลึงกับพระสุพรรณยอดโถเดิมฯ
ด้านหลังเป็นรูป ''องค์พระปรางค์'' อันเป็นสัญญาลักษณ์
ของพระรุ่นนี้ จำนวนการสร้าง ๑,๐๐๐ องค์เศษฯ
#พิธีมหาพุทธาภิเษก
เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ค. ๒๕๑๐
ได้มีเชิญพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมปลุกเสก พระชุดจงอางศึกรวมทั้งหมด ๖๙ รูป
รายชื่อพระเกจิคณาจารย์ทั้งหมดที่ร่วมปลุกเสก มีดังนี้
สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) วัดพระเชตุพนฯ เป็นประธานพิธีฯ
๑.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
๒.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
๓.หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
๔.หลวงพ่อคํา วัดหน่อพุทธางกูร จ.สุพรรณบุรี
๕.หลวงพ่อใจ วัดวังยายหุ่น จ.สุพรรณบุรี
๖.หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ จ.สุพรรณบุรี
๗.หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี
๘.หลวงพ่อดี วัดพระรูป จ.สุพรรณบุรี
๙.หลวงพ่อโต๊ะ วัดลาดตาล จ.สุพรรณบุรี
๑o.หลวงพ่อเจริญ วัดธัญเจริญ จ.สุพรรณบุรี
๑๑.หลวงพ่อบุญ วัดโคกโคเฒ่า จ.สุพรรณบุรี
๑๒.หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง จ.สุพรรณบุรี
๑๓.หลวงพ่อเก็บ วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
๑๔.หลวงพ่อตุ๊ วัดท่าเจริญ จ.สุพรรณบุรี
๑๕.หลวงพ่อเผื่อน วัดไทรย์ จ.สุพรรณบุรี
๑๖.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์เจริญ จ.สุพรรณบุรี
๑๗.หลวงพ่อเจิม วัดกุฎีทอง จ.สุพรรณบุรี
๑๘.หลวงพ่อเลียบ วัดช่องลม จ.สุพรรณบุรี
๑๙.หลวงพ่อวิจิตร วัดบ้านทึง จ.สุพรรณบุรี
๒o.หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
๒๑.หลวงพ่อสุบิน วัดท่าช้าง จ.สุพรรณบุรี
๒๒.หลวงปู่นาถ วัดศรีโลหะ จ.กาญจนบุรี
๒๓.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
๒๔.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
๒๕.หลวงปู่โต๊ะ วัดสระเกษ จ.อ่างทอง
๒๖.หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธ์ จ.อ่างทอง
๒๗.หลวงพ่อสาย วัดท้องคุ้ง จ.อ่างทอง
๒๘.หลวงพ่อไวทย์ วัดบรมวงศ์ จ.อยุธยา
๒๙.หลวงพ่อด่วน วัดกล้วย จ.อยุธยา
๓o.หลวงพ่อชม วัดเขาดิน จ.อยุธยา
๓๑.หลวงพ่อทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
๓๒.หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา
๓๓.หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา
๓๔.หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
๓๕.หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา
๓๖.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
๓๗.หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
๓๘.หลวงปู่เพิ่ม วัดสรรเพชร จ.นครปฐม
๓๙.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม
๔o.พระอาจารย์เจียม วัดไร่ขิง จ.นครปฐม
๔๑.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร
๔๒.หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม จ.สมุทรสาคร
๔๓.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะองค์ จ.สมุทรสาคร
๔๔.หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา จ.สมุทรสาคร
๔๕.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
๔๖.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จ.กรุงเทพฯ
๔๗.หลวงปู่นาค วัดระฆังโฆสิตาราม จ.กรุงเทพฯ
๔๘.หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง จ.กรุงเทพฯ
๔๙.หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร จ.กรุงเทพฯ
๕o.หลวงปู่เพิ่ม วัดสามปลื้ม จ.กรุงเทพฯ
๕๑.หลวงพ่อผ่อง วัดสามปลื้ม จ.กรุงเทพฯ
๕๒.หลวงพ่อหวล วัดพิกุล จ.กรุงเทพฯ
๕๓.หลวงพ่อบุญนาค วัดเศวตฉัตร จ.กรุงเทพฯ
๕๔.หลวงพ่อผล วัดหนังบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ
๕๕.หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร จ.กรุงเทพฯ
๕๖.หลวงพ่อเฮง วัดกัลยาณมิตร จ.กรุงเทพฯ
๕๗.หลวงพ่อบุญมี วัดกลางอ่างแก้ว จ.กรุงเทพฯ
๕๘.หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม จ.ราชบุรี
๕๙.หลวงปู่สิมมา วัดบ้านหมอ จ.สระบุรี
๖o.หลวงพ่อโอด วัดโคกเดื่อ จ.นครสวรรค์
๖๑.หลวงพ่ออ๋อย วัดหนองบัว จ.นครสวรรค์
๖๒.หลวงพ่อน้อย วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์
๖๓.หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บําเพ็ญบุญ จ.ชัยนาท
๖๔.หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
๖๕.พระอธิการถนอม วัดนางพญา จ.พิษณุโลก
๖๖.หลวงพ่อทบ วัดชนแดน จ.เพชรบูรณ์
๖๗.พระอาจารย์สําราญ วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี
๖๘.หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว จ.เพชรบุรี
๖๙.หลวงพ่อนิ่ม วัดเขาน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งแรกแล้ว กองบัญชาการทหารสูงสุดโดยคำสั่งของ
''จอมพลถนอม กิตติขจร'' ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินทางมารับมอบพระ จำนวน ๒๕,๗๐๐ องค์ เพื่อแจกแก่ทหารอาสาสมัคร เพื่อเดินทางไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม นอกจากนี้ ทางวัดพระศรีมหาธาตุฯ จังหวัด สุพรรณบุรี ยังนำพระที่เหลือเข้าประกอบพิธีพุทธาภิเษกฯ
อีกสองครั้งในวันที่ ๒-๑๐ มี.ค. ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ และวันที่ ๑๓ เม.ย. ๒๕๑๑ อีกครั้งในปีเดียวกัน นำพระที่เหลือแจกประชาชน และ ข้าราชการ ทั่วไปในจังหวัดพระส่วนนึงพระเกจิคณาจารย์ได้นำกลับไปแจกลูกศิษย์และนำพระบรรจุกรุไว้ตามวัดต่าง ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นการสืบศาสนาต่อไปฯ ในภายหน้าทางวัดพระธาตุฯได้มีการนำพระอู่ทองแจกทหาร ที่เหลือทั้งหมดประมานการได้ว่า ๑๘๔,๐๐๐ องค์ บรรจุไว้ในองค์พระปรางค์เจดีย์ ณ วัดพระธาตุฯ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๒๘ ม.ค. พ.ศ. ๒๕๑๒ และยังไม่มีการเปิดกรุจนถึงทุกวันนี้
การสร้างครั้งแรก ปี พ.ศ. ๒๕๑๐
บันทึกระบุจำนวนไว้ ๒๕,๗๐๐ องค์
แจกจ่ายให้ ''ทหารอาสาสมัครรุ่นจงอางศึก''
ไปรบร่วมสงครามเวียดนาม จำนวน ๓,๓๒๕ องค์
การสร้างครั้งที่สองในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ องค์
แจกจ่ายให้แก่ข้าราชการและหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ
********พระอู่ทองแจกทหาร ''รุ่นจงอางศึก'' ๒๕๑๐-๒๕๑๑**********
มีประสบการณ์และอิทธิปาฏิหาริย์มากมายใน ''สงครามเวียดนาม''
หน่วยรบอาสาสมัคร ''รุ่นจงอางศึกทหารของไทย'' ต่างพบเจอ
ประสบการณ์เชื่อมั่นในพุทธคุณและมั่นใจเป็นอันมาก
ไม่ว่าจะโดนยิง!! หรือ โดนกับระเบิด ต่างก็รอดจากพญามัจจุราช
มาได้อย่างน่าอัศจรรย์จนชื่อของทหารไทยได้รับสมญานามว่า
''หน่วยรบทหารผีฆ่าไม่ตาย'' จากสงครามเวียดนาม
พระอู่ทองแจกทหารจงอางศึก รุ่นนี้จึงเป็นของดีที่มี พุทธคุณทุกด้านฯ
แคล้วคลาด,คงกะพันชาตรี,เมตตามหานิยม,มหาอุตม์,โชคทรัพย์
เป็นพระดี ราคาถูก เป็นพระที่น่าสะสม และ บูชาติดตัวอีก ๑ รุ่น
ปล.ของทุกอย่างเริ่มจากการนับถือศัทธาเท่านั้นจึงเกิด ''พุทธานุภาพ''
***********ข้อมูลพระอาจจะไม่ตรง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ*********
********กำลังรวบรวมข้อมูลที่เป็นจริง อาจต้องใช้เวลา รวบรวมหรือแก้ไข?********